ไทยเห็นจันทรุปราคาบางส่วน 26 มิ.ย. (ไทยโพสต์)
เผยปรากฏการณ์จันทรุปราคาบางส่วนเกิดขึ้นวันที่ 26 มิ.ย.นี้ ชวนเฝ้าชมได้ตั้งแต่ 6 โมงครึ่งถึง 2 ทุ่ม มองเห็นพระจันทร์เว้าแหว่งครึ่งดวง แล้วค่อย ๆ โตขึ้นจนเต็มดวงอย่างสวยงาม
นายสิทธิชัย จันทรศิลปิน หัวหน้าผู้ดูแลท้องฟ้าจำลองกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า ในวันที่ 26 มิถุนายน 2553 ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ พระจันทร์เต็มดวง แต่ประเทศไทยจะเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาบางส่วน ดวงจันทร์เริ่มเคลื่อนเข้าเงามืดของโลกในเวลา 17.16 น. แต่ยังไม่สามารถมองเห็นได้ จนกระทั่งดวงจันทร์เคลื่อนตัวเข้าเงามืดในเวลา 18.38 น. จะเห็นดวงจันทร์เว้าแหว่งประมาณครึ่งดวง โดยมองไปทางขอบฟ้าทิศตะวันออก และจะเห็นปรากฏการณ์จันทรุปราคาบางส่วนได้จนถึงเวลา 20.00 น. ดวงจันทร์ค่อย ๆ โตขึ้นและเคลื่อนตัวออกจากเงามืดของโลกเต็มดวงในเวลา 21.21 น.
นายสิทธิชัยกล่าวว่า ปรากฏการณ์จันทรุปราคาจะเกิดขึ้นให้คนไทยได้ชื่นชมเป็นครั้งสุดท้ายในปีนี้ จึงไม่ควรพลาด ผู้สนใจชมควรอยู่ในที่สูงและโล่งกว้าง ตึกอาคารอาจจะบดบังการมองเห็นจันทรุปราคาครั้งนี้ หลังจากวันที่ 26 มิถุนายนแล้ว จะเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวงในวันที่ 11 กรกฎาคม ที่บริเวณตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก ใกล้ประเทศออสเตรเลีย และเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงในวันที่ 21 ธันวาคม แต่ทั้ง 2 ปรากฏการณ์จะไม่เกิดขึ้นในประเทศไทย
ด้านนายวรวิทย์ ตันวุฒิบัณฑิต ปราชญ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านดาราศาสตร์ไทย กล่าวว่า ปรากฏการณ์ด้านดาราศาสตร์ จันทรุปราคาบางส่วนเห็นได้ในประเทศไทย เกิดขึ้นในช่วงพลบค่ำของคืนวันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน 2553 ดวงจันทร์เริ่มแหว่งเวลาเย็น แต่ประเทศไทยยังไม่เห็น เนื่องจากดวงจันทร์ยังไม่ขึ้น เงามืดของโลกจะบังดวงจันทร์ด้วยขนาดความลึก 54% ของเส้นผ่านศูนย์กลางดวงจันทร์ สำหรับที่กรุงเทพฯ เริ่มเห็นขอบบนของดวงจันทร์โผล่พ้นขอบฟ้าในเวลา 18.47 น. แต่ในความเป็นจริงอาจเริ่มเห็นดวงจันทร์ได้หลังจากนั้น เพราะขอบฟ้ามีหมอกควันบดบัง
เมื่อขึ้นมาแล้วจะเห็นดวงจันทร์แหว่งทางซ้ายมือด้านบน และเป็นเวลาที่ท้องฟ้ายังไม่มืดจันทรุปราคาบางส่วนสิ้นสุดในเวลา 20.00 น. มีเวลาสังเกตจันทรุปราคาบางส่วนประมาณ 1 ชั่วโมง ภูมิภาคที่มีโอกาสเห็นได้นานกว่านี้คือ ด้านตะวันออกของภาคอีสานและภาคตะวันออก ซึ่งจะเห็นดวงจันทร์ขึ้นเร็วกว่านี้ และขณะสิ้นสุดคราสนั้น ดวงจันทร์ก็อยู่สูงกว่าที่เห็นในกรุงเทพฯ เล็กน้อย ส่วนพื้นที่บนโลกที่เห็นจันทรุปราคาครั้งนี้พร้อมประเทศไทยคือ ทวีปเอเชีย ออสเตรเลีย มหาสมุทรแปซิฟิก อเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ (ยกเว้นด้านตะวันออก)
"จันทรุปราคาครั้งนี้เป็นจันทรุปราคาครั้งที่ 57 ใน 83 ครั้ง ของชุดซารอสที่ 120 ชุดซารอสนี้เริ่มด้วยจันทรุปราคาเงามัว 21 ครั้ง บางส่วน 7 ครั้ง เต็มดวง 25 ครั้ง บางส่วน 7 ครั้ง และเงามัว 23 ครั้ง ตามลำดับ จันทรุปราคาเต็มดวงครั้งที่นานที่สุดของชุดซารอสนี้ เกิดขึ้นเมื่อกลางคริสต์ศตวรรษที่ 18 นาน 1 ชั่วโมง 44.9 นาที" นายวรวิทย์กล่าว
http://hilight.kapook.com/view/48952
เผยปรากฏการณ์จันทรุปราคาบางส่วนเกิดขึ้นวันที่ 26 มิ.ย.นี้ ชวนเฝ้าชมได้ตั้งแต่ 6 โมงครึ่งถึง 2 ทุ่ม มองเห็นพระจันทร์เว้าแหว่งครึ่งดวง แล้วค่อย ๆ โตขึ้นจนเต็มดวงอย่างสวยงาม
นายสิทธิชัย จันทรศิลปิน หัวหน้าผู้ดูแลท้องฟ้าจำลองกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า ในวันที่ 26 มิถุนายน 2553 ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ พระจันทร์เต็มดวง แต่ประเทศไทยจะเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาบางส่วน ดวงจันทร์เริ่มเคลื่อนเข้าเงามืดของโลกในเวลา 17.16 น. แต่ยังไม่สามารถมองเห็นได้ จนกระทั่งดวงจันทร์เคลื่อนตัวเข้าเงามืดในเวลา 18.38 น. จะเห็นดวงจันทร์เว้าแหว่งประมาณครึ่งดวง โดยมองไปทางขอบฟ้าทิศตะวันออก และจะเห็นปรากฏการณ์จันทรุปราคาบางส่วนได้จนถึงเวลา 20.00 น. ดวงจันทร์ค่อย ๆ โตขึ้นและเคลื่อนตัวออกจากเงามืดของโลกเต็มดวงในเวลา 21.21 น.
นายสิทธิชัยกล่าวว่า ปรากฏการณ์จันทรุปราคาจะเกิดขึ้นให้คนไทยได้ชื่นชมเป็นครั้งสุดท้ายในปีนี้ จึงไม่ควรพลาด ผู้สนใจชมควรอยู่ในที่สูงและโล่งกว้าง ตึกอาคารอาจจะบดบังการมองเห็นจันทรุปราคาครั้งนี้ หลังจากวันที่ 26 มิถุนายนแล้ว จะเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวงในวันที่ 11 กรกฎาคม ที่บริเวณตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก ใกล้ประเทศออสเตรเลีย และเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงในวันที่ 21 ธันวาคม แต่ทั้ง 2 ปรากฏการณ์จะไม่เกิดขึ้นในประเทศไทย
ด้านนายวรวิทย์ ตันวุฒิบัณฑิต ปราชญ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านดาราศาสตร์ไทย กล่าวว่า ปรากฏการณ์ด้านดาราศาสตร์ จันทรุปราคาบางส่วนเห็นได้ในประเทศไทย เกิดขึ้นในช่วงพลบค่ำของคืนวันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน 2553 ดวงจันทร์เริ่มแหว่งเวลาเย็น แต่ประเทศไทยยังไม่เห็น เนื่องจากดวงจันทร์ยังไม่ขึ้น เงามืดของโลกจะบังดวงจันทร์ด้วยขนาดความลึก 54% ของเส้นผ่านศูนย์กลางดวงจันทร์ สำหรับที่กรุงเทพฯ เริ่มเห็นขอบบนของดวงจันทร์โผล่พ้นขอบฟ้าในเวลา 18.47 น. แต่ในความเป็นจริงอาจเริ่มเห็นดวงจันทร์ได้หลังจากนั้น เพราะขอบฟ้ามีหมอกควันบดบัง
เมื่อขึ้นมาแล้วจะเห็นดวงจันทร์แหว่งทางซ้ายมือด้านบน และเป็นเวลาที่ท้องฟ้ายังไม่มืดจันทรุปราคาบางส่วนสิ้นสุดในเวลา 20.00 น. มีเวลาสังเกตจันทรุปราคาบางส่วนประมาณ 1 ชั่วโมง ภูมิภาคที่มีโอกาสเห็นได้นานกว่านี้คือ ด้านตะวันออกของภาคอีสานและภาคตะวันออก ซึ่งจะเห็นดวงจันทร์ขึ้นเร็วกว่านี้ และขณะสิ้นสุดคราสนั้น ดวงจันทร์ก็อยู่สูงกว่าที่เห็นในกรุงเทพฯ เล็กน้อย ส่วนพื้นที่บนโลกที่เห็นจันทรุปราคาครั้งนี้พร้อมประเทศไทยคือ ทวีปเอเชีย ออสเตรเลีย มหาสมุทรแปซิฟิก อเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ (ยกเว้นด้านตะวันออก)
"จันทรุปราคาครั้งนี้เป็นจันทรุปราคาครั้งที่ 57 ใน 83 ครั้ง ของชุดซารอสที่ 120 ชุดซารอสนี้เริ่มด้วยจันทรุปราคาเงามัว 21 ครั้ง บางส่วน 7 ครั้ง เต็มดวง 25 ครั้ง บางส่วน 7 ครั้ง และเงามัว 23 ครั้ง ตามลำดับ จันทรุปราคาเต็มดวงครั้งที่นานที่สุดของชุดซารอสนี้ เกิดขึ้นเมื่อกลางคริสต์ศตวรรษที่ 18 นาน 1 ชั่วโมง 44.9 นาที" นายวรวิทย์กล่าว
http://hilight.kapook.com/view/48952
