ทฤษฎีการเรียนรู้ (Learning theory)
การเรียนรู้คือกระบวนการที่ทำให้คนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ความคิด คนสามารถเรียนได้จากการได้ยินการสัมผัส การอ่าน การใช้เทคโนโลยี
การเรียนรู้ของเด็กและผู้ใหญ่จะต่างกัน
เด็กจะเรียนรู้ด้วยการเรียนในห้อง การซักถาม
ผู้ใหญ่มักเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ที่มีอยู่ แต่การเรียนรู้จะเกิดขึ้นจากประสบการณ์ที่ผู้สอนนำเสนอ
โดยการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนและผู้เรียน
การศึกษาไทย แบบ “ฟรีทีวี”
แน่นอนว่าหาก เราได้ดูการปราศรัย หาเสียง ของเหล่าบรรดานักการเมืองในประเทศสารขัน แห่งนี้ กันมาบ้างจะพบว่า พวกเขาสนใจเสนอนโยบาย “เรียนฟรี” เท่านั้น ราวกับเราไม่ให้ความสำคัญต่อระบบการศึกษาเท่าที่ควร
ทำไมล่ะ? หรือโง่ๆ แล้วปกครองง่าย???
ไม่หรอก เพราะเราไม่รู้ต่างหาก ว่าจะผ่าตัดกระทรวง ที่มีบุคลากร มากที่สุด ในประเทศได้อย่างไร
เราไม่รู้ ว่าทำไมเด็กไทย ต้องนับเม็ดถั่วเขียว... และซักผ้าด้วยมือเป็น ทั้งๆ ที่บ้านชนชั้นกลางทั้งประเทศมีเครื่องซักผ้า....
เลยจบที่การ ให้เรียนฟรี (ไม่จริง) นี่แหละ Work สุดแล้ว... เฮ้อ.... ถ้ามาเถียง โอ้ย เรียนฟรีสิ
แนะนำไปดูหน้าโรงรับจำนำตอนเปิดเรียนครับ... อย่ามาซึนเดเระ...
การศึกษาไทย แท้จริง มีจุดมุ่งหวังสร้าง สิ่งมีชีวิตอัจฉริยะขั้นสุดยอด แต่ทำได้แค่ เป็ดตาบอดตัวนึง...
เพราะ สอนให้รู้ทุกอย่าง
เชื่อมเหล็กวิชา การงานอาชีพ... วิทยาศาสตร์ เคมี ฟิสิกส์ ชีวะ พละ ดนตรี...
ทว่า ไม่เก่งเลยซักอย่าง...
สรุปเลยได้แค่ เป็ด มาตัวนึง คือ ไม่เก่งไรเลย แค่ทำนั่นพอเป็น ทำนี่พอได้ ไปวันๆ
แถม ตาบอดเพราะไม่รู้ว่า ตัวข้านี้ เก่งด้านใด อยากทำอะไร อาชีพอะไร
ปิดจุดอ่อน ไม่เสริมจุดแข็ง
เนื่องจาก เราต้องเรียนให้ได้ตามเกณฑ์ จึงทำให้เราต้อง เก่งวิชา อย่าง ภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ สังคม ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ มากๆ หากเราอ่อนวิชาตัวใด ก็ต้องเสริมจุดนั้นไป
ทั้งๆ ที่ เรามีจุดเด่น แต่เสริมไม่ได้
อย่าง ตัวผม วาดรูปพอใช้ได้มาแต่เด็ก และเกรดเรื่องภาษาถือว่าดีพอควร
ทว่า ผมเองต้องเรียนเสริม วิชาที่อ่อนอย่าง คณิตศาสตร์มาทั้งชีวิต
สุดท้ายเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ กลับ ใช้เครื่องคิดเลขเอาทั้งนั้น ไอ้ ปีทากอรัส แฟตทอเรียน บ้าบออะไรนั่นไม่ได้ใช้เลยซักนิดนึง........................... แล้วเราจะเรียนมัน หา ซากอีวา อะไรครับเนี่ย
ผมไม่ได้ หวังว่าให้ยกเลิกคณิต ทั้งหมดนะครับ
แค่คิดว่า ส่วนคิด วิเคราะห์ มันไม่น่าจะคัดเด็ก
ออกจากระบบการศึกษาแบบแพ้คัดออกเท่านั้นเอง
คือ ฝึกเด็ก ฝึกได้
แต่ไม่น่าจะให้วิชาพวกนี้ทำให้เด็กต้องออกจากการศึกษา
เรียนทุกวัน แม้กระทั่งช่วงปิดเทอม
จนน่าจะ ยกเลิกการปิดเทอมไปซะ... เริ่มเรียน 8โมง ในเวลาราชการ เป็นแค่น้ำจิ้ม เล่นเกมไปฟังไป ก็ได้
แต่ของจริงอยู่เวลาหลัง 6 โมงเย็นไปแล้ว คือ เรียนพิเศษ
อยากไปรอด ต้อง... "เรียนพิเศษ"
ประดุจ ก๋วยเีตี๋ยว ที่ สั่งธรรมดาไม่อิ่ม ต้อง แบบ พิเศษ ลูกชิ้น 3 ลูก....!!!
ทำไม สั่งธรรมดาไม่ 30 ไปเลย แล้วลูกชิ้น 3 ลูกไปเลย ใครจะกินน้อยสั่งน้อยล่ะ....
เด็กไทยเรียนพิเศษ เป็นอันดับ เลขหลักเดียวของเอเชีย เสมอๆ ทุกๆ ปี
เราไม่ได้ขยันหรอก แค่ อาจารย์บางท่านอยากได้รายได้เสริม ก็เท่านั้น ^w^ ถึงขนาดโฆษณาในโรงเรียนกันเลยก็เคยเห็นกันมาแล้ว....
ซักวัน เขาอาจจะเอาบอร์ด โรงเรียนมาติดใบปลิวที่เรียนของอาจารย์แต่ละท่าน เช่น
“อาจารย์ สุรเดช สอนคณิตศาสตร์ ม.4 มายาวนานกว่า 5 ปี เปิดจองเรียนพิเศษแล้ววันนี้
พิเศษ... นักเรียนท่านใดเรียนห้องที่อาจารย์ สอน ลดทันที 15% และรับรอง เกรด ด้วยตำราเจาะกะโหลกเซียนนน วิเคราะห์ข้อสอบเก่ง กันแบบถึงพริกถึงขิง โดยผู้ชำนาญการออกข้อสอบซ้ำมากว่า 5 ปี”
ไม่ใช่แล้วเฟ้ยยยยยย
เอาวะ ยังดีกว่าอาจารย์ขายตรง...
การศึกษาระบบแพ้คัดออก
เด็กดีถูกชื่นชม เด็กหัวไม่ดีถูกละเลย
ทั้งๆ ที่เราเรียนเพื่อให้ฉลาดขึ้น กันไม่ใช่เหรอ?
เปรียบโรงเรียนเป็น สถานพยาบาล
เด็กเก่ง ก็คือ คนที่อาการบาดเจ็บเล็กน้อย มารักษานิดๆ หน่อยๆ ก็น่าจะพอ
ส่วนเด็กไม่เก่ง ก็เหมือน คนอาการหนัก น่าจะได้รับการรักษาที่ดี และเอาใจใส่
ถ้า โรงพยาบาลรักษาคนไข้ ที่เจ็บเล็กน้อย แบบศักดินา แต่ ผลักใส คนโคม่า ไปตายโรงบาลอื่น
ได้โดนสั่งปิดแหงๆ
ผมทรงนักเรียน = เด็กดี
กฎเรื่อง การไว้ผม
ถูกกำหนด ตั้งแต่สมัยของประกาศคณะปฎิวัติที่ออกมาเมื่อปี พศ. 2515
โดยจอมพลถนอม กิตติขจร เพื่อระเบียบวินัย และกำจัดเหา
ว่าแต่.... ไม่คิดจะยกเลิกกันเหรอครับ.... นี่มัน ผ่านมาร่วมๆ 40 ปีแล้วนะเธอนะ....
แถมออกจากปาก เหล่าเผด็จการที่ถูกประชาธิปไตยโค่นล้มอีก....
เด็กไทยจะเรียนดีไม่ดีมันไม่ได้อยู่ที่ทรงผมหรอก ไม่เชื่อ....... ดูหัวไอสไตน์ สิ...!!!
ครูอาชีพ VS อาชีพครู
ครูเป็นอาชีพที่สังคมไทยให้ความเคารพ และยอมรับ
โดยส่วนตัว ผมเองเจอคุณครูดีๆ มาเยอะครับ
เพราะพวกเค้าคือ ครูอาชีพ ที่ มุ่งหวังสั่งสอนเด็กให้ได้ดี
แต่กลับมีครูที่ ทำขายตรงเป็นอาชีพหลัก เป็นครูเพราะติดหนี้ ธกส เยอะมากขึ้นเรื่อยๆ...
แถม เคยเจอบทสนทนาหนึ่ง ของบุคลากรทางการศึกษาที่
บอกว่า “ที่นี่ครูว่างสองตำแหน่ง สนใจมาสอนไหม มีศิลปะ กับ สังคม”
สังคม ครูคนไหนก็มาสอนได้ครับ
แต่ศิลปะเนี่ย มันควรจะจบทางด้านนี้มาไม่ใช่เหรอ....!!!!!!!!
ชั่วโมงศิลปะ ไม่ใช่
จงเลือก วัสดุที่ดีที่สุดในการทำงานปั้น[/b
ก. ดินน้ำมัน
ข. ดินเหนียว
ค. กระดาษ
ง. ถูกทุกข้อ
นั่นไม่ใช่ศิลปะแล้วววววววว (แนะนำทำเสียงอาจารย์เฉลิมชัย)
ชั่วโมงวิทยาศาสตร์ ในกระดาษ เปล่า
ดอกเตอร์ วรภัทร ภู่เจริญ (คนนี้เก่งมากๆ นะมิ้วๆ)
เคยบอกบ่นกับการศึกษาไทยไว้มากครับ เขา บอกไว้ว่า
การศึกษาวิทยาศาสตร์ บ้านเรา เหมือนกับ ลูกอีแร้ง
คือ แม่อีแร้ง เอา ซากอาหาร ... มาป้อนใส่ปากอีแร้ง
ซากที่ว่าคือการศึกษาอันล้าหลัง ตามๆ กันมา
ในชั่วโมง วิศวะ ในต่างประเทศ บางครั้งเขาไปสนามกอล์ฟ ด้วยซ้ำ
และเด็ดใบไม้มาใบนึง แล้วถามนักศึกษาว่า แรงที่ใช้เด็ดใบไม้ ใช้แรงเท่าไหร่ ใบไม้ประกอบด้วยอะไรบ้างเป็นวัสดุ
หลังจากนั้นถึงมีการพัฒนาเส้นใยสังเคราะห์ ใช้ในการอุตสาหกรรมโดยแรงบันดาลใจจากใบไม้เท่านั้น...
แต่ของเรา งบเครื่องมือพวกนี้มันอยู่ไหนครับ
อย่าหวังออกนอกห้องเลย... แค่ลงมือทำยังไม่ได้ทำเลย จำได้ ว่า อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์
เด็กไทยจะได้จับ ตอนทำความสะอาดเท่านั้น
อาจารย์ บอก กลัวเด็กทำหลอดทดลองแตก ก็เคยมีกันมาแล้ว
เรียนวิทยาศาสตร์แบบนี้ มันจะได้อะไรครับ????
O-net, A-net, GAT, PAT อะไรกันนักหนาเนี่ย....
เคย ดูให้รุ่นน้อง รู้สึกอยาก มี Death Note แล้วฉีกเป็น แผ่นๆ ใส่เครื่องพิมพ์ แล้วปริ๊นรายชื่อ
บรรดาคนคิดเรื่องพวกนี้ซะจริงๆ
ไม่สงสารเด็ก สงสารพ่อแม่เด็กมันมั่งเหอะ...
แล้วคิดไหมว่าสร้างออกมาแก้ปัญหาเด็กติว เพื่อสอบ Ent และแก้การเหลื่อมล้ำของเด็กเมืองหลวง
แต่ผลคือ ต้องเรียนพิเศษแต่ อนุบาล แล้ว เพื่อให้ไอ้ค่า ที่ว่าเนี่ย มันดีที่สุดในทุกๆ การศึกษา
จะได้ติดมหาลัยที่ “พ่อแม่” ใฝ่ฝัน บ้าง....
เด็กไทยล่ะ... ช่างมันเถอะ ก้มหน้าก้มตาเรียนไป
ถาม = อวดรู้ // คิดสร้างสรรค์ = แหกคอก
เคยมี เรื่องเล่าของอาจารย์พูดถึงชั่วโมง เกษตร ว่า เขาถามเด็กว่า
ไก่เนื้อกว่าจะขายได้คือช่วงไหน คำตอบคือ 45 วันหลังจากฟักเป็นตัว
แต่เด็กคนนั้นกลับตอบว่า “ช่วงตรุษจีนฮะ”
แน่นอนเขาลงโทษเด็กคนนั้น และหักจิตพิสัย เพราะเหมือนกับการกวนประสาท เขา ไม่สนใจตอบตามบทเรียน
ทั้งๆ ที่จริงๆ เด็กมันพูดถูก ในวิชาการตลาดและเศรษฐศาสตร์ ควรชื่นชมและ บอกเด็กว่า
งั้น ต้องให้ไก่ฟักมากที่สุดก่อนหน้าตรุษจีน 45 วัน เพื่อให้ขายช่วงนั้นได้กำไรสูงสุด
ครูไม่เปิดโอกาสให้ถามแทรกเลย มาถามตอนท้าย เด็กมันไม่เข้าใจมันก็ไม่สนแล้ว
มันอยากเลิกคาบเรียนแล้ว
7 คาบต่อวัน ตำราหนัก 5 กิโลกรัม
ทั้งๆ ที่วิชาเรียน สำหรับอุดมศึกษา ควรสอนแค่ พื้นฐานของสิ่งต่างๆ มุ่งเน้นด้านจริยธรรม
ศาสนา และการใช้ชีวิต
ควรสอนให้เด็กไทยรักชาติ ภูมิใจในชาติตน
ควรสอน คณิตศาสตร์ แค่ บวก ลบ คุณ หาร การหา% คุณไขว้ ก็พอ เพราะในหลายๆ สาขา ไอ้ ปีทากอรัส อนุกรม และอื่นๆ มันแทบไม่ได้ใช้ซักนิด
เด็กไทยควรจะเปิดกว้าง ส่งเสริมสิ่งที่เขาถนัด เพื่อกำหนดเป้าหมายชีวิตเขาตั้งแต่เด็กมากกว่า
ท้ายนี้ บทความขั้นต้น ไม่ได้คิดโจมตีใครนะ
แค่เศร้าใจ กับประเทศตัวเองนิดหน่อยเท่านั้น !
ให้ดาวกันบ้างนะฮ้าฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟว์ 5555555555
CREDITTT ::: http://theevilaspire.exteen.com/20101129/entry
การเรียนรู้คือกระบวนการที่ทำให้คนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ความคิด คนสามารถเรียนได้จากการได้ยินการสัมผัส การอ่าน การใช้เทคโนโลยี
การเรียนรู้ของเด็กและผู้ใหญ่จะต่างกัน
เด็กจะเรียนรู้ด้วยการเรียนในห้อง การซักถาม
ผู้ใหญ่มักเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ที่มีอยู่ แต่การเรียนรู้จะเกิดขึ้นจากประสบการณ์ที่ผู้สอนนำเสนอ
โดยการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนและผู้เรียน
การศึกษาไทย แบบ “ฟรีทีวี”แน่นอนว่าหาก เราได้ดูการปราศรัย หาเสียง ของเหล่าบรรดานักการเมืองในประเทศสารขัน แห่งนี้ กันมาบ้างจะพบว่า พวกเขาสนใจเสนอนโยบาย “เรียนฟรี” เท่านั้น ราวกับเราไม่ให้ความสำคัญต่อระบบการศึกษาเท่าที่ควร
ทำไมล่ะ? หรือโง่ๆ แล้วปกครองง่าย???
ไม่หรอก เพราะเราไม่รู้ต่างหาก ว่าจะผ่าตัดกระทรวง ที่มีบุคลากร มากที่สุด ในประเทศได้อย่างไร
เราไม่รู้ ว่าทำไมเด็กไทย ต้องนับเม็ดถั่วเขียว... และซักผ้าด้วยมือเป็น ทั้งๆ ที่บ้านชนชั้นกลางทั้งประเทศมีเครื่องซักผ้า....
เลยจบที่การ ให้เรียนฟรี (ไม่จริง) นี่แหละ Work สุดแล้ว... เฮ้อ.... ถ้ามาเถียง โอ้ย เรียนฟรีสิ
แนะนำไปดูหน้าโรงรับจำนำตอนเปิดเรียนครับ... อย่ามาซึนเดเระ...
การศึกษาไทย แท้จริง มีจุดมุ่งหวังสร้าง สิ่งมีชีวิตอัจฉริยะขั้นสุดยอด แต่ทำได้แค่ เป็ดตาบอดตัวนึง...เพราะ สอนให้รู้ทุกอย่าง
เชื่อมเหล็กวิชา การงานอาชีพ... วิทยาศาสตร์ เคมี ฟิสิกส์ ชีวะ พละ ดนตรี...
ทว่า ไม่เก่งเลยซักอย่าง...
สรุปเลยได้แค่ เป็ด มาตัวนึง คือ ไม่เก่งไรเลย แค่ทำนั่นพอเป็น ทำนี่พอได้ ไปวันๆ
แถม ตาบอดเพราะไม่รู้ว่า ตัวข้านี้ เก่งด้านใด อยากทำอะไร อาชีพอะไร
ปิดจุดอ่อน ไม่เสริมจุดแข็งเนื่องจาก เราต้องเรียนให้ได้ตามเกณฑ์ จึงทำให้เราต้อง เก่งวิชา อย่าง ภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ สังคม ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ มากๆ หากเราอ่อนวิชาตัวใด ก็ต้องเสริมจุดนั้นไป
ทั้งๆ ที่ เรามีจุดเด่น แต่เสริมไม่ได้
อย่าง ตัวผม วาดรูปพอใช้ได้มาแต่เด็ก และเกรดเรื่องภาษาถือว่าดีพอควร
ทว่า ผมเองต้องเรียนเสริม วิชาที่อ่อนอย่าง คณิตศาสตร์มาทั้งชีวิต
สุดท้ายเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ กลับ ใช้เครื่องคิดเลขเอาทั้งนั้น ไอ้ ปีทากอรัส แฟตทอเรียน บ้าบออะไรนั่นไม่ได้ใช้เลยซักนิดนึง........................... แล้วเราจะเรียนมัน หา ซากอีวา อะไรครับเนี่ย
ผมไม่ได้ หวังว่าให้ยกเลิกคณิต ทั้งหมดนะครับ
แค่คิดว่า ส่วนคิด วิเคราะห์ มันไม่น่าจะคัดเด็ก
ออกจากระบบการศึกษาแบบแพ้คัดออกเท่านั้นเอง
คือ ฝึกเด็ก ฝึกได้
แต่ไม่น่าจะให้วิชาพวกนี้ทำให้เด็กต้องออกจากการศึกษา
เรียนทุกวัน แม้กระทั่งช่วงปิดเทอม จนน่าจะ ยกเลิกการปิดเทอมไปซะ... เริ่มเรียน 8โมง ในเวลาราชการ เป็นแค่น้ำจิ้ม เล่นเกมไปฟังไป ก็ได้
แต่ของจริงอยู่เวลาหลัง 6 โมงเย็นไปแล้ว คือ เรียนพิเศษ
อยากไปรอด ต้อง... "เรียนพิเศษ"ประดุจ ก๋วยเีตี๋ยว ที่ สั่งธรรมดาไม่อิ่ม ต้อง แบบ พิเศษ ลูกชิ้น 3 ลูก....!!!
ทำไม สั่งธรรมดาไม่ 30 ไปเลย แล้วลูกชิ้น 3 ลูกไปเลย ใครจะกินน้อยสั่งน้อยล่ะ....
เด็กไทยเรียนพิเศษ เป็นอันดับ เลขหลักเดียวของเอเชีย เสมอๆ ทุกๆ ปี
เราไม่ได้ขยันหรอก แค่ อาจารย์บางท่านอยากได้รายได้เสริม ก็เท่านั้น ^w^ ถึงขนาดโฆษณาในโรงเรียนกันเลยก็เคยเห็นกันมาแล้ว....
ซักวัน เขาอาจจะเอาบอร์ด โรงเรียนมาติดใบปลิวที่เรียนของอาจารย์แต่ละท่าน เช่น
“อาจารย์ สุรเดช สอนคณิตศาสตร์ ม.4 มายาวนานกว่า 5 ปี เปิดจองเรียนพิเศษแล้ววันนี้
พิเศษ... นักเรียนท่านใดเรียนห้องที่อาจารย์ สอน ลดทันที 15% และรับรอง เกรด ด้วยตำราเจาะกะโหลกเซียนนน วิเคราะห์ข้อสอบเก่ง กันแบบถึงพริกถึงขิง โดยผู้ชำนาญการออกข้อสอบซ้ำมากว่า 5 ปี”
ไม่ใช่แล้วเฟ้ยยยยยย
เอาวะ ยังดีกว่าอาจารย์ขายตรง...
การศึกษาระบบแพ้คัดออกเด็กดีถูกชื่นชม เด็กหัวไม่ดีถูกละเลย
ทั้งๆ ที่เราเรียนเพื่อให้ฉลาดขึ้น กันไม่ใช่เหรอ?
เปรียบโรงเรียนเป็น สถานพยาบาล
เด็กเก่ง ก็คือ คนที่อาการบาดเจ็บเล็กน้อย มารักษานิดๆ หน่อยๆ ก็น่าจะพอ
ส่วนเด็กไม่เก่ง ก็เหมือน คนอาการหนัก น่าจะได้รับการรักษาที่ดี และเอาใจใส่
ถ้า โรงพยาบาลรักษาคนไข้ ที่เจ็บเล็กน้อย แบบศักดินา แต่ ผลักใส คนโคม่า ไปตายโรงบาลอื่น
ได้โดนสั่งปิดแหงๆ
ผมทรงนักเรียน = เด็กดีกฎเรื่อง การไว้ผม
ถูกกำหนด ตั้งแต่สมัยของประกาศคณะปฎิวัติที่ออกมาเมื่อปี พศ. 2515
โดยจอมพลถนอม กิตติขจร เพื่อระเบียบวินัย และกำจัดเหา
ว่าแต่.... ไม่คิดจะยกเลิกกันเหรอครับ.... นี่มัน ผ่านมาร่วมๆ 40 ปีแล้วนะเธอนะ....
แถมออกจากปาก เหล่าเผด็จการที่ถูกประชาธิปไตยโค่นล้มอีก....
เด็กไทยจะเรียนดีไม่ดีมันไม่ได้อยู่ที่ทรงผมหรอก ไม่เชื่อ....... ดูหัวไอสไตน์ สิ...!!!
ครูอาชีพ VS อาชีพครูครูเป็นอาชีพที่สังคมไทยให้ความเคารพ และยอมรับ
โดยส่วนตัว ผมเองเจอคุณครูดีๆ มาเยอะครับ
เพราะพวกเค้าคือ ครูอาชีพ ที่ มุ่งหวังสั่งสอนเด็กให้ได้ดี
แต่กลับมีครูที่ ทำขายตรงเป็นอาชีพหลัก เป็นครูเพราะติดหนี้ ธกส เยอะมากขึ้นเรื่อยๆ...
แถม เคยเจอบทสนทนาหนึ่ง ของบุคลากรทางการศึกษาที่
บอกว่า “ที่นี่ครูว่างสองตำแหน่ง สนใจมาสอนไหม มีศิลปะ กับ สังคม”
สังคม ครูคนไหนก็มาสอนได้ครับ
แต่ศิลปะเนี่ย มันควรจะจบทางด้านนี้มาไม่ใช่เหรอ....!!!!!!!!
ชั่วโมงศิลปะ ไม่ใช่
จงเลือก วัสดุที่ดีที่สุดในการทำงานปั้น[/b
ก. ดินน้ำมัน
ข. ดินเหนียว
ค. กระดาษ
ง. ถูกทุกข้อ
นั่นไม่ใช่ศิลปะแล้วววววววว (แนะนำทำเสียงอาจารย์เฉลิมชัย)
ชั่วโมงวิทยาศาสตร์ ในกระดาษ เปล่าดอกเตอร์ วรภัทร ภู่เจริญ (คนนี้เก่งมากๆ นะมิ้วๆ)
เคยบอกบ่นกับการศึกษาไทยไว้มากครับ เขา บอกไว้ว่า
การศึกษาวิทยาศาสตร์ บ้านเรา เหมือนกับ ลูกอีแร้ง
คือ แม่อีแร้ง เอา ซากอาหาร ... มาป้อนใส่ปากอีแร้ง
ซากที่ว่าคือการศึกษาอันล้าหลัง ตามๆ กันมา
ในชั่วโมง วิศวะ ในต่างประเทศ บางครั้งเขาไปสนามกอล์ฟ ด้วยซ้ำ
และเด็ดใบไม้มาใบนึง แล้วถามนักศึกษาว่า แรงที่ใช้เด็ดใบไม้ ใช้แรงเท่าไหร่ ใบไม้ประกอบด้วยอะไรบ้างเป็นวัสดุ
หลังจากนั้นถึงมีการพัฒนาเส้นใยสังเคราะห์ ใช้ในการอุตสาหกรรมโดยแรงบันดาลใจจากใบไม้เท่านั้น...
แต่ของเรา งบเครื่องมือพวกนี้มันอยู่ไหนครับ
อย่าหวังออกนอกห้องเลย... แค่ลงมือทำยังไม่ได้ทำเลย จำได้ ว่า อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์
เด็กไทยจะได้จับ ตอนทำความสะอาดเท่านั้น
อาจารย์ บอก กลัวเด็กทำหลอดทดลองแตก ก็เคยมีกันมาแล้ว
เรียนวิทยาศาสตร์แบบนี้ มันจะได้อะไรครับ????
O-net, A-net, GAT, PAT อะไรกันนักหนาเนี่ย....เคย ดูให้รุ่นน้อง รู้สึกอยาก มี Death Note แล้วฉีกเป็น แผ่นๆ ใส่เครื่องพิมพ์ แล้วปริ๊นรายชื่อ
บรรดาคนคิดเรื่องพวกนี้ซะจริงๆ
ไม่สงสารเด็ก สงสารพ่อแม่เด็กมันมั่งเหอะ...
แล้วคิดไหมว่าสร้างออกมาแก้ปัญหาเด็กติว เพื่อสอบ Ent และแก้การเหลื่อมล้ำของเด็กเมืองหลวง
แต่ผลคือ ต้องเรียนพิเศษแต่ อนุบาล แล้ว เพื่อให้ไอ้ค่า ที่ว่าเนี่ย มันดีที่สุดในทุกๆ การศึกษา
จะได้ติดมหาลัยที่ “พ่อแม่” ใฝ่ฝัน บ้าง....
เด็กไทยล่ะ... ช่างมันเถอะ ก้มหน้าก้มตาเรียนไป
ถาม = อวดรู้ // คิดสร้างสรรค์ = แหกคอกเคยมี เรื่องเล่าของอาจารย์พูดถึงชั่วโมง เกษตร ว่า เขาถามเด็กว่า
ไก่เนื้อกว่าจะขายได้คือช่วงไหน คำตอบคือ 45 วันหลังจากฟักเป็นตัว
แต่เด็กคนนั้นกลับตอบว่า “ช่วงตรุษจีนฮะ”
แน่นอนเขาลงโทษเด็กคนนั้น และหักจิตพิสัย เพราะเหมือนกับการกวนประสาท เขา ไม่สนใจตอบตามบทเรียน
ทั้งๆ ที่จริงๆ เด็กมันพูดถูก ในวิชาการตลาดและเศรษฐศาสตร์ ควรชื่นชมและ บอกเด็กว่า
งั้น ต้องให้ไก่ฟักมากที่สุดก่อนหน้าตรุษจีน 45 วัน เพื่อให้ขายช่วงนั้นได้กำไรสูงสุด
ครูไม่เปิดโอกาสให้ถามแทรกเลย มาถามตอนท้าย เด็กมันไม่เข้าใจมันก็ไม่สนแล้ว
มันอยากเลิกคาบเรียนแล้ว
7 คาบต่อวัน ตำราหนัก 5 กิโลกรัมทั้งๆ ที่วิชาเรียน สำหรับอุดมศึกษา ควรสอนแค่ พื้นฐานของสิ่งต่างๆ มุ่งเน้นด้านจริยธรรม
ศาสนา และการใช้ชีวิต
ควรสอนให้เด็กไทยรักชาติ ภูมิใจในชาติตน
ควรสอน คณิตศาสตร์ แค่ บวก ลบ คุณ หาร การหา% คุณไขว้ ก็พอ เพราะในหลายๆ สาขา ไอ้ ปีทากอรัส อนุกรม และอื่นๆ มันแทบไม่ได้ใช้ซักนิด
เด็กไทยควรจะเปิดกว้าง ส่งเสริมสิ่งที่เขาถนัด เพื่อกำหนดเป้าหมายชีวิตเขาตั้งแต่เด็กมากกว่า
ท้ายนี้ บทความขั้นต้น ไม่ได้คิดโจมตีใครนะ
แค่เศร้าใจ กับประเทศตัวเองนิดหน่อยเท่านั้น !
ให้ดาวกันบ้างนะฮ้าฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟว์ 5555555555
CREDITTT ::: http://theevilaspire.exteen.com/20101129/entry
