โดย นิวัฒน์ วีรประพันธ์
สืบเนื่องจากโรงเรียนวัดเขียนเขตมีนักเรียนมาเข้าเรียนมาก นักเรียนส่วนใหญ่มีฐานะไม่ค่อยดีนัก นักเรียนมาโรงเรียนแต่เช้า ก็มารับประทานอาหารเช้าที่โรงเรียน บางคนจึงมีเงินไม่พอที่จะรับประทานอาหารกลางวัน แม้ว่าทางโรงเรียนจะจัดสรรเงินในโครงการอาหารกลางวันให้นักเรียนแล้ว แต่ก็ยังไม่พอ ท่านเจ้าคุณพระราชปริยัตวโรปการ เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต จึงได้จัดให้มีโครงการข้าวก้นบาตร ซึ่งเป็นอาหารที่ได้จากการบิณฑบาตร โดยให้ทางโรงเรียนนำนักเรียนไปรับประทานอาหารกลางวัน วันละ 200 คน ทางโรงเรียนจึงได้จัดให้มีครูคุมนักเรียนไป โดยการเดินทางไปนั้น มีรายละเอียดกิจกรรม ดังนี้ เวลา 11.20 น.ให้เข้าแถวที่ประตูโรงเรียน และเดินไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เอาปิ่นโตตักข้าว แล้วเข้าไปนั่งรอที่หอฉัน เมื่อพระฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว นักเรียนรับพรจากพระ นักเรียนนั่งสมาธิ 1 นาที ท่องสูตรคูณ เข้านั่งประจำที่รับประทานอาหาร กล่าวคำพิจารณาอาหาร รับประทานอาหาร เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้วช่วยกันเก็บภาชนะที่รับประทานไปเก็บไว้สถานที่จัดล้าง เก็บกวาดทำความสะอาดบริเวณรอบหอฉัน เก็บเสื่อ หม้อ กระโถน โถข้าว แล้วมานั่งเข้าแถวรอรับขนมและผลไม้อย่างเป็นระเบียบ เวลาประมาณ 12:25 น. นักเรียนเข้าแถวเดินทางกลับโรงเรียน
บางวันฝนตก พระไม่สามารถออกไปบิณฑบาตรได้ ท่านเจ้าอาวาสก็ได้ให้แม่ครัวของวัดทำอาหารให้เด็กๆ รับประทานกัน ที่เด็กๆ ชอบมากก็คือ "ผัดบะหมี่มาม่า" ขนาดรับประทานไม่หมดก็ยังเอากลับมาดรงเรียนด้วยเลย ญาติโยมที่มาทำบุญที่วัด พอรู้ว่าหลวงพ่อมีโครงการข้าวก้นบาตร ก็ยินดีสนับสนุน เมื่อมาจัดเลี้ยงพระฉันเพลเสร็จก็จะเตรียมมาเผื่อให้นักเรียนด้วยทุกครั้ง บางรายถึงกับแจกสิ่งของ สมุด ดินสอ ยางลบ และปากกา และเงินให้นักเรียนด้วยก็มี ......... [i]
คำกล่าวพิจารณาอาหาร มีดังนี้ " ข้าวเอ๋ยข้าวสุก จะต้องกินทุกบ้านทุกฐานถิ่น กว่าจะมาเป็นข้าวให้เรากิน ชาวนามีบุญคุณต่อเราไม่เบาเลย ข้าวทุกจานอาหารทุกอย่าง อย่ากินทิ้งขว้างเป็นของมีค่า คนจนคนยากมีมากหนักหนา สงสารบรรดาเด็กตาดำๆ สงสารแม่ครัวช่วยพากันทำ"